Saturday 21 June 2008

Low Fat Fudgy Brownies

วน ๆ เวียน ๆ อยู่ที่ http://www.bakingbites.com/ มาหลายทีแล้วค่ะ ก้อยชอบเวบนี้มากค่ะ มีอะไรให้อ่านมากมาย ไม่ใช่แค่สูตรขนมอย่างเดียว ยังแนะนำหนังสือใหม่ แล้วก็วัตถุดิบ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ทำขนมที่ออกใหม่ เค้าก็ซื้อมาลองให้เราได้เข้าไปดูว่ามันดีไม่ดียังไง อย่างสูตรบราวนี่ของคนรักสุขภาพอันนี้ก็เหมือนกัน อ่านชื่อก็รู้แล้วใช่ไหม๊คะว่าเหมาะกับคนกลัวอ้วน โดนใจก้อยมาก ๆ ค่ะ เพราะเป็นหนึ่งในคนกลัวอ้วน แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งกลัวยิ่งกิน สูตรเดิมจะตวงเป็นถ้วยตวงนะคะ แต่ก้อยถนัดชั่งเอามากกว่า เลยขอลงสูตรเป็นกรัมแล้วกันค่ะ สูตรเดิมนี่ตามลิงค์ไปได้เลยค่ะ Low Fat Fudge Brownies ค่ะ

เนื่องจากสูตรนี้ลดไขมันลงไปมากแล้ว ขนมที่ได้จะไม่ค่อยชุ่มฉ่ำเท่าแบบ full fat นะคะ แต่ก็หนึบหนับพอสมควรค่ะ ก้อยชอบกินบราวนี่แบบตกแต่งค่ะ เลยราดด้วย plain yogurt และ homemade blueberry sauce

Low Fat Fudgy Brownies
พิมพ์กลม 8 หรือ 9 นิ้ว





แป้งอเนกประสงค์ 82.5 กรัม
ผงโกโก้ (Dutch-process) 41.7 กรัม
ผงฟู ½ ช้อนชา
เกลือ ¼ ช้อนชา
ดาร์กช็อกโกแลต 2 ออนซ์
เนยจืด 28 กรัม
น้ำตาลทราย 112.5 กรัม
น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม
Low Fat sour cream หรือ โยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ (#1) 1 ฟอง
ไข่ขาว (จากไข่ไก่ #1) 1 ฟอง
กลิ่นวานิลลา 1 ½ ช้อนชา
ช็อกโกแลตไซรัป* 1-2 ช้อนโต๊ะ

* ช็อกโกแลตไซรัปใส่เพื่อให้ผิวหน้าขนมเงาสวยค่ะ ไม่ใส่ก็ได้ค่ะ

วิธีทำ
1.วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 C และเตรียมพิมพ์กลมขนาด 8 หรือ 9 นิ้ว แล้วแต่ชอบค่ะ จะได้บราวนี่หนาบางต่างกันนิดหน่อย ทาเนยจืดที่พิมพ์บาง ๆ แล้ววางกระดายรองอบ แล้วทาเนยทับอีกรอบค่ะ ทาข้าง ๆ ด้วยนะคะ
2.ร่อนแป้ง ผงโกโก้ ผงฟู และเกลือ ลงในชามขนาดกลาง พักไว้
3.ละลายเนยและดาร์กช็อกในชามใบเล็กที่เข้าไมโครเวฟได้ ใช้ความร้อนสูงสุดประมาณ 1 นาที จากนั้นเทส่วนผสมที่ได้ลงในชามผสมขนาดใหญ่
4.ใช้ตะกร้อมือคนผสมน้ำตาลและ sour cream หรือโยเกิร์ต ลงในช็อกโกแลต จากนั้นใส่ไข่ไก่ทั้งฟองและไข่ขาวลงไป ตามด้วยกลิ่นวานิลลา และช็อกโกแลตไซรัป
5.ค่อยผสมแป้งลงไปโดยให้ผสมอย่างเบามือ แบ่งทำซัก 3 รอบค่ะ ผสมจนไม่เหลือผงแป้ง ควรเปลี่ยนมาใช้พายยางค่ะ ส่วนผสมที่ได้จะหนืดมาก ๆ
6.เทแบทเทอร์ลงพิมพ์ เกลี่ยให้เสมอกัน และนำเข้าอบประมาณ 20 -22 นาที คอยสังเกตอย่าให้ขนมสุกเกินไป เพราะจะได้ขนมที่แห้งไม่อร่อยค่ะ

Homemade Blueberry Sauce
บลูเบอรี่แช่เข็ง 300 กรัม
น้ำ ½ ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 100 กรัม
Light corn syrup 3 ช้อนโต๊ะ
แป้งกวนไส้ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำละลายแป้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ทำน้ำเชื่อมด้วยการต้มน้ำกับน้ำตาลทรายค่ะ จะตั้งไฟหรือใช้ไมโครเวฟก็ได้ค่ะ แล้วแต่สะดวก เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น
2.นำบลูเบอรี่แช่เข็ง น้ำเชื่อมข้าวโพด แล้วน้ำเชื่อมที่เราเตรียมไว้แช่รวมกันประมาณ 1.5 – 2 ชม. ที่ต้องแช่นานเพราะบลูฯแช่แข็งจะมีรสเปรี้ยวฝาดมากค่ะ ต้องใช้น้ำหวานๆช่วย
3.พอครบเวลาแล้วก็กรองเนื้อบลูฯเก็บไว้ แล้วนำน้ำกรองออกมาไปตั้งไฟกลาง ต้มจนเดือดเล็กน้อย จากนั้นเทน้ำแป้งลงไป โดยให้คนตลอด อย่าหยุด จนได้น้ำสีม่วงใสและข้นขึ้น ดับไฟแล้วผสมเนื้อบลูฯที่เก็บไว้ลงไปค่ะ

Note: ก้อยได้ไอเดียมาจากบล๊อกของแม่เดียร์ anadiar ค่ะ

7 comments:

  1. น่ากินแล้วก็จานสีสวยมากเลย...ดู brownie หวานยิ่งขึ้นไปอีกเนอะ
    ิblueberry sauce เนี่ย..คงเปรี้ยวๆตัดหวานของ brownie ได้ดียิ่งนัก...ว่าแล้วท้องก็ร้องประท้วงเลย..

    เรียนทำขนมปังผสมเต้าหู้มา...ตอนแรกที่บอกว่าเค้าใช้ไมโครเวฟบ่ม..แอบเข้าใจผิดแหละ...เค้าใช้ไมโครเวฟทำครีมตะหาก..
    สงสัยต้องไปศึกษาเรื่องใช้โหมดไมโครเวฟในช่วงพักแป้งจากหนังสือเอาซะแล้ว..
    จริงๆแล้วบ่มในอ่างน้ำร้อนมันก็ work ดีแหละก้อย..เบสก็ทำมาตลอด..แต่มันอยากรู้อยากเห็นไง..เห็นเทคนิคใหม่ๆไม่ได้..เหอะๆ

    ReplyDelete
  2. หวาน ๆ ขม ๆ ตัดกันดีกะซอสเปรี้ยว ๆ เลยหล่ะเบส

    เรื่องการบ่มโดว์ขนมปังในไมโครเวฟหน่ะ ก้อยเคยเห็นจริง ๆ นะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าจากบล๊อกไหน คือมันมีฟังก์ชั่นแยกเลยอ่ะ

    เบสต้องไปหาข้อมูลมานะจ๊ะ เพราะก้อยก็อยากรู้เทคกะนิกใหม่ ๆ เหมือนกัน อิอิ วานหน่อยน้า

    ReplyDelete
  3. หวัดดี ก้อย,

    เดี๋ยวนี้บ้านเรามีร้านขายขนมฝรั่งเยอะเลยนะ อาทิตย์ก่อนพี่ไปพารากอน โห เลือกไม่ถูก...แต่แล้วไปจบที่ร้าน Coffee Bean ของดาว บุณยะจินดา ร้านเค้าทำเค้กได้เนื้อนุ่มดีจริง ๆ นะ พี่ชอบ วันนั้นสั่งเค้กทุเรียน กับ ชาเขียว มากิน..ถูกปากทั้ง 2 รสเลย
    ป.ล. ก้อยมีร้านอื่นแนะนำมั้ย

    ReplyDelete
  4. บราวนี่ ๆ พี่ชอบกินบราวนี่ ยิ่งมี ท๊อปปิ้งด้วยนะ ยิ่งเพิ่มรสชาติเข้าไปใหญ่เลยน้องก้อย

    พี่ชอบทำเหมือนกันแบบมีซอสผลไม้ราดข้างบน อร่อยเนอะก้อยเนอะ อิอิอิ

    ว่าแล้วขอชิมหนึ่งชิ้นนะน้องก้อย น่าทานมากกกกก

    ReplyDelete
  5. อ้าวเหรอ...เพื่อนพี่บอกมาว่าเป็นร้านของดาว บุณฯ ขอบใจนะก้อยที่มาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง แถมให้ข้อมูลร้านขนมเยอะแยะเลย พี่ไม่รู้จะเริ่มจากร้านไหนก่อน กะว่าจะเริ่มจากสาธร...

    ReplyDelete
  6. พี่อุ้ม: ชิมมากกว่า 1 ชิ้นก็ได้ค่ะ แหมไม่เอาไปเผื่คนข้าง ๆ เลยเหรอคะ
    พี่ทิพย์: ยินดีค่ะ ก้อยชอบลองเค้กร้านใหม่ ๆ ค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่แล้ว เพราะคู่หูไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
    เบส: รีบ ๆ กลับมานะ จะได้ตระเวณกินเค้กกันอีก

    ReplyDelete
  7. This looks great! Will be good news for my expanding waistline ;p

    ReplyDelete