Wednesday 22 December 2010

Chicken Farm Baker's Project # 29 : Traditional Cake for Father's Day, Daddy Jelly Cream Cake

เค้กให้พ่อของก้อย มาช้าเชียวค่ะ เดือนธันวาคมเนี่ย เป็นช่วงงานท่วมของก้อย และ ก็ของใครอีกหลาย ๆ คนเลยใช่ไหม๊คะ เพิ่งจะหาเวลาทำได้นี่แหล่ะค่ะ แถมยังไม่ได้ให้ป๊าลองชิมเลย แต่จองตัวกันไว้แล้วค่ะ ตอนที่ทำเสร็จ ป๊าเพิ่งอิ่มของว่างยามบ่ายพอดี แต่ให้แฟนป๊าชิมแล้ว คุณนายแม่บอกว่าผ่านค่ะ ผ่านในที่นี้คืออร่อยถูกใจ ไม่ใช่ขอผ่านไปก่อนนะคะ
พี่บีมกำชับนักกำชับหนาว่า การบ้านคราวนี้ต้องเป็นเค้กเท่านั้น และ ขอให้ใช้อะไรที่ไทย ๆ เป็นส่วนประกอบ ก้อยก็เลยเลือกใช้สตรอเบอรี่ พันธุ์ 80 ของโครงการหลวง และ ว่านหางจระเข้ในน้ำเชื่อมมาใช้ค่ะ ติดใจสตรอเบอรี่พันธุ์นี้มาก ๆ ค่ะ เคยลองครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วนี้เอง เนื้อข้างในไม่แข็งเหมือนสตรอเบอรี่ที่ปลูกที่บ้านเราส่วนใหญ่ พอเจอปุ๊บ รีบสอยปั๊บ ส่วนว่านหางจระเข้นี้ ก้อยชอบทานค่ะ รู้สึกว่าทานแล้วชื่นใจจริง ๆ ก้อยจับเอาสองอย่างนี้มาทำเป็นเจลลี่ค่ะ ใส่ความเป็นไทยเข้าไปเต็ม ๆ ด้วย การใช้น้ำแดงกลิ่นสละ และ มะนาวโซดา แดงมะนาวโซดานี่ ผสมดื่มเวลาเพลียๆ ช่วยให้สดชื่นได้อย่างรวดเร็วค่ะ ต้องแอบสารภาพว่า คิดการบ้านเดือนนี้ไม่ค่อยจะออกค่ะ เพราะว่าไปยึดติดกับความคิดว่าต้องไทยแท้ ไทยทำ มากเกินไป ซึ่งจริง ๆ แล้วอะไรก็ได้ขอให้เราใส่ความคิดและเหตุผลรองรับลงไป ก็น่าจะใช้ได้หมด อิอิ ก็แหม แค่ใช้ผลไม้จากโครงการหลวงก็รับประกันได้แล้วใช่ไหม๊คะว่าปลูกในประเทศไทยแน่นอน...แถไปเรื่อย ^ ^

Special Thanks to..พี่ปุ๊ก dailydelicious สำหรับ สัดส่วนการใช้เจลาตินในการทำเจลลี่ค่ะ
                               พี่ตุ๊ก ณชนกช์ ปัญญาหิตานนท์, Bakery in my heart vol.1สำหรับไอเดีย jelly cake
Creme Fraiche Blancmange Recipe Adapted from: Creme Fraiche Blancmange and Plum Mousse Cake... and Petit Suisse Part Trois, Cannelle et Vanille
Sponge Cake Recipe Adapted from: たかこさん&みかさんの毎日作りたくなるお菓子とパンのレシピ [単行本] by 稲田 多佳子 (著), 門間 みか (著)


พิมพ์สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 7 x 13 ซม. และ  8 x 17 ซม.
Jelly
น้ำแดงกลิ่นสละ.............................5 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาวโซดา 1 กระป๋อง.............325 ml
น้ำมะนาวเขียว...............................1 ช้อนโต๊ะ
เจลลาตินชนิดแผ่น........................5-6 กรัม

แช่เจลาตินในน้ำผสมน้ำแข็ง ประมาณ 5 นาที หรือ จนนิ่ม
ผสมน้ำแดง น้ำมะนาวโซดา และน้ำมะนาว ชิมรสให้ได้อย่างที่ถูกใจ หวานเปรี้ยวซ่า ตามชอบค่ะ ตวงส่วนผสมที่ได้ออกมา 250 ml ที่เหลือก็เก็บไว้ดื่มค่ะ
แบ่งออกมา 70 ml ใส่ถ้วยที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ใส่เจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป อย่าลืมสะบัดน้ำออกด้วยนะคะ นำไปละลายด้วยไฟปานกลางประมาณ 20-30 วินาที นำออกมาคนให้เจลาตินละลายหมด แล้วค่อย ๆ ผสมส่วนผสมที่เหลือลงไป
จัดเรียงผลไม้ลงในพิมพ์ที่เเตรียมไว้ แล้วเทเจลลี่น้ำแดงมะนาวโซดาลงไปพอท่วม ถ้าเจลลี่เหลือก็เทใส่ภาชนะอื่น แล้วแช่เย็นไว้ทานเล่นค่ะ
นำพิมพ์ไปแช่เย็นให้เจลลี่เซ็ตตัวประมาณ 3 ชั่วโมง

Sponge Cake
ถาดอบขนาด 30 x 30 ซม.
ไข่ไก่ อุณหภูืมิห้อง...........................3 ฟอง
น้ำตาล..........................................70 กรัม
แป้งเค้ก.........................................60 กรัม
เกลือ................................................เล็กน้อย
วิปปิ้งครีมชนิดทำจากนม (อุ่น)...........................................2 ช้อนโต๊ะ

อุ่นเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 180 C และเตรียมถาดอบด้วยการปูกระดาษรองอบ

ตีไข่ไก่ให้ขึ้นฟูเป็นฟองหยาบ ด้วยความเร็วปานกลาง ทะยอยใส่น้ำตาลและเกลือลงไปทีละน้อย เมื่อใส่น้ำตาลหมด ให้เพิ่มความเร็วเป็นสูงสุด แล้วตีต่อไปจนไข่ขึ้นฟู ข้นขาว เมื่อยกหัวตีขึ้นแล้วไข่จะทิ้งตัวลงมาเป็นสาย ลดความเร็วลงต่ำสุด แล้วตีต่อประมาณ 1 นาทีเพื่อตัดฟองอากาศ

ร่อนแป้งเค้กลงไป แล้วตะล่อมให้เข้ากันโดยเร็ว และ เบามือ แบ่งใส่เป็น 3 -4 ครั้ง

เทครีมอุ่น ๆ ลงในชามผสมขนาดเล็ก แล้วแบ่งแบทเทอร์ออกมาประมาณ1/2 ถ้วยตวง ใส่ลงไป แล้วคนผสมให้เข้ากัน จากนั้นตะล่อมกลับเข้าไปในแบทเทอร์ ทำอย่างเบามือและรวดเร็ว ส่วนผสมที่ได้ต้องข้นไม่เหลวเป็นน้ำ

เทส่วนผสมใส่ถาดที่เตรียมไว้ ใช้พายยางปาดให้กระจายทั่วถาด และ ปาดหน้าให้เรียบเสมอกัน นำเข้าอบประมาณ 10 - 12 นาที หรือ จนสุกมีกลิ่นหอม เมื่อเอานิ้วแตะหน้าเค้กแล้วสปริงตัวกลับ

Creme Fraiche Blancmange
whipping cream............................... 175 กรัม
vanilla bean paste.................................1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย..........................................30 กรัม
เกลือ....................................................เล็กน้อย
เจลาตินชนิดแผ่น...................................6 กรัม
creme fraiche....................................125 กรัม
แช่เจลาตินในน้ำผสมน้ำแข็ง ประมาณ 5 นาที หรือ จนนิ่ม
ตีครีม วานิลลา น้ำตาล และ เกลือ จนตั้งยอดอ่อน นำเข้าแช่เย็นไว้ แล้วแบ่งครีมที่ตีได้ 2 ช้อนโต๊ะ ไปละลายกับเจลาติน โดยผสมกันแล้วนำเข้าไมโครเวฟ ไฟปานกลางประมาณ 20 วินาที
ผสมครีมที่ตีไว้ลงไปในส่วนของเจลาติน โดยแบ่งแค่1/3 ส่วนลงไปผสมในเจลาตินครีม เป็นการปรับอุณหภูมิ (temper) เพื่อไม่ให้เจลาตินในครีมที่ยังร้อนอยู่ เกิดการแข็งตัวเป็นลิ่ม ๆ เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็นกระทันหัน นำเจลาตินครีมที่ผสมได้ผสมกลับเข้าไปในครีมส่วนที่เหลือ แบ่งผสมเป็น 2 ครั้ง จากนั้นจึงผสม creme fraiche ลงไป แบ่งผสม 2 ครั้ง ส่วนผสมที่ได้จะแตกตัวเล็กน้อย เนื่องจากกรดใน creme fraiche ค่ะ
เมื่อได้ Creme fraiche blancmage แล้ว ให้เทใส่ถุงบีบ แล้วบีบลงบนเจลลี่ที่แช่ไว้ ตามด้วยสปันจ์เค้ก ที่ตัดให้ได้ขนาดเดียวกับพิมพ์ นำเข้าแช่เย็นจนเซ็ตตัว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
Chicken Farm Baker's Project # 29 : Traditional Cake for Father's Day, Daddy Jelly Cream Cake

Thursday 18 November 2010

Chicken Farm Bakers' Project #28: In my style-- Tiramisù all'amarena


หลังจากได้โจทย์มาก็ตั้งใจแน่วแน่เลยค่ะว่า จะต้องทำทีรามิสุแบบออริจินัีล คือแบบกาแฟ เพราะเป็นคนชอบทานขนมที่ทำจากกาแฟ ชอบดื่มกาแฟ แต่พอเปิดตู้เย็นเจอกระปุกเชอรี่เชื่อมแสนอร่อย ที่เปิดแล้วยังทานไม่หมด กระปุกโตเลย ก็เลยปรึกษาพี่สาวคนงาม พี่อุ้ม vanillaorchid ว่าจะเปลี่ยนจากแบบออริจินัลเป็นแบบฟิวชั่นแทน เพราะว่าเหล้าเชอรี่ Creme de Cerise ก็มีพร้อม
พี่อุ้มก็บอกว่าทำไมไม่ทำทั้งสองอย่างเลยหล่ะ ก้อยก็คิดว่าดีเหมือนกัน เพราะทำครีมเบสเนี่ยใช้สูตรเดียวกัน แต่แบ่งทำเป็น 2 แบบ ได้ความหลากหลายไปอีกแบบค่ะ
เวลาทำขนมใส่แก้วแบบนี้ดูเหมือนจะง่ายนะคะ แต่ก้อยก็เจอปัญหาอยู่เหมือนกัน ก็ตอนที่จะใส่เจ้าเลดี้ฟิงเกอร์ลงไปในแก้วนี่แหล่ะค่ะ ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วจุ่มน้ำผสมเหล้า ค่อย ๆ วางลงแก้ว พอทำชิ้นเล็ก ๆ แล้วเนี่ย เลดี้ฟิงเกอร์เปื่อยมาก ๆ เลยค่ะ คือโดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบกินแบบเละมาก ๆ ไงคะ ไว้คราวหน้าจะลองอบให้เป็นทรงกลมดูค่ะ แต่คงจะเรียกว่านิ้วมือนางไม่ได้แล้วสิเนอะ คงค้องเปลี่ยนเป็น lady sunny face แืทน 555
ถ้าถามก้อยกว่าชอบไหม๊ ก็คงจะต้องตอบว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ค่ะ แต่ว่าคงต้องลดชั้นที่ใส่เชอรี่เชื่อมลงเหลือแค่ชั้นเดียว เพราะว่าพอใส่เยอะแล้วมันค่อนข้างหวานค่ะ
บล๊อกหน้าจะทำแบบออริจินัลให้ดูนะคะ 
Tiramisù all'amarena

Makes 3 glasses

Mascarpone Cheese......................125 กรัม
ไข่แดง............................................1 ฟอง
ไข่ขาว............................................1 ฟอง
น้ำตาล...........................................26 กรัม
เกลือ.............................................1/8 ช้อนชา
เหล้าหวานรสเชอรี่ (Creme de Cerise)..50 ml+1ช้อนชา
น้ำเปล่า..........................................50 ml
Lady Fingers
เชอรี่ในน้ำเชื่อม


ตีไข่แดงกับน้ำตาล 13 กรัม ให้เข้ากันดี แล้วใส่ mascarpone cheese ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ปาดพายไปมา ไม่ต้องคนหนักมือ เพราะจะทำให้ครีมแตกตัว


ใส่เหล้่าหวานรสเชอรี่ลงไป (ในรูปใส่ไป 1/2 ช้อนชาก่อนค่ะ รสมันอ่อนไป ก็เลยเพิ่ม) จากนั้นใช้พาย
ยางตะล่อมเหล้าให้เข้ากับครีมอย่างเบามือ แล้วพักเอาไว้


ตีไข่ขาวให้เป็นฟอง ใส่เกลือ และตีต่อจนได้ฟองละเอียดสีขาว ทะยอยใส่น้ำตาลที่เหลืออีก 13 กรัม แล้วตีต่อจนตั้งยอดเกือบแข็ง 


ตะล่อมไข่ขาวลงไปส่วนผสมของไข่แดงและชีส

Assemble:


หั่น lady fingers เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อจะได้วางเรียงลงแก้วได้ง่าย แล้วนำไปจุ่มลงในเหล้าผสมน้ำเปล่า จุ่มแค่นิดเดียวค่ะ เพราะชื้นเล็ก ถ้าจุ่มเยอะจะเละมาก ทำให้ทานแล้วไม่อร่อย จากนั้นก็วางเรียงลงในแก้ว บีบครีมที่ทำเตรียมไว้ลงไป บดเชอรี่เชื่อมและวางทับครีม ทำซ้ำ จนเต็มแก้ว

Recipe adapted from: スイーツレッスンABC [単行本(ソフトカバー)]by アップオン (著, 編集) 
Chicken Farm Bakers' Project #28: Tiramisù all'amarena

Chicken Farm Bakers' Project #28: In my style-- Tiramisù al caffè

บล๊อกที่แล้วนำเสนอทีรามิสุแบบหวาน ๆ ไปแล้่วนะคะ บล๊อกนี้ก็เป็นแบบเข้ม ๆ เต็มรสกาแฟ ตามความชอบของก้อยนะคะ นอกจากจะชงกาแฟเอสเปรสโซซะเข้มแล้ว ก็ยังเพิ่มความอร่อยด้วย dark chocolate ขูดด้วยค่ะ สูตรทีรามิสุที่นำมาใช้นี้มาจากหนังสือญี่ปุ่นของโรงเรียนสอนทำอาหารและขนม ABC ค่ะ พี่ปุ๊ก dailydelicious เคยทำลงบล๊อกมาแล้ว ก้อยก็อาศัยสูตรที่พี่สาวแปลและทดสอบความอร่อยแล้วมาใช้เป็นสูตรประจำเลยค่ะ ทำง่ายสุด ๆ อร่อยและไม่เลี่ยน ได้รสชาติ mascarpone cheese เต็ม ๆ 
ที่บอกว่าเต็ม ๆ เพราะว่าสูตรนี้ไม่มีการใส่วิปปิ้งครีมหรือครีมอื่นใดอีกค่ะ ตัวชูโรงอีกอย่างก็คือเหล้ากาแฟ ก้อยเลือกใช้ Kahlua ค่ะ โดยส่วนตัวชอบมากเป็นพิเศษค่ะ แตุ่้ก็ยังมีเหล้ากาแฟอีกมากมายให้เลือกใช้นะคะ อันนี้แล้วแต่ความชอบเลย ไม่ว่าจะเป็น Marsala หรือ Tia Maria ค่ะ หลังจากที่ได้ลองทำทีรามิสุทานเองนี่ ทำให้รู้เลยค่ะ ว่าขนมที่อร่อยนี่ ไม่จำเป็นต้องทำยากเสมอไปนะคะ เพียงแค่มี mascarpone cheese ถ้าหาซื้อไม่ได้ทำเองก็ยังได้เลยนะคะ และ เลดี้ฟิงเกอร์ซึ่งเราจะอบเองหรือซื้อสำเร็จก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากใช้เลดี้ฟิงเกอร์ เราจะใช้สปันจ์เค้ก ชิฟฟอน เค้กเนย คุ๊กกี้ หรือ บราวนี่ก็ยังได้เลยค่ะ ก้อยว่าการทำขนมนี่มันเป็นวิทยาศาสตร์ก็จริงนะคะ แต่เราสามารถประยุกต์ให้เข้ากับความชอบของเราได้เสมอค่ะ ไม่มีกฎตายตัวหรอกว่า ทีรามิสุต้องคู่กับกาแฟ เพียงแต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า คนที่เค้าคิดขนมนี้ขึ้นโดยใช้กาแฟเป็นส่วนผสมหลักนี่ เค้าเก่งจริงๆ นะคะ เพราะว่า Tiramisù al caffè ก็ยังคงเป็น ์ี์Number one ในใจของหลาย ๆ คน รวมทั้งก้อยด้วยค่ะ

Tiramisù al caffè 

Makes 3 glasses

Mascarpone Cheese......................125 กรัม
ไข่แดง............................................1 ฟอง
ไข่ขาว............................................1 ฟอง
น้ำตาล...........................................26 กรัม
เกลือ.............................................1/8 ช้อนชา
เหล้ากาแฟ (Kahlua)..........................25 ml+1ช้อนชา
น้ำกาแฟชงเข้มๆ................................75 ml
Lady Fingers
dark chocolate ขูด




ตีไข่แดงกับน้ำตาล 13 กรัม ให้เข้ากันดี แล้วใส่ mascarpone cheese ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ปาดพายไปมา ไม่ต้องคนหนักมือ เพราะจะทำให้ครีมแตกตัว
ใส่เหล้่ากาแฟลงไป (ในรูปใส่ไป 1/2 ช้อนชาก่อนค่ะ รสมันอ่อนไป ก็เลยเพิ่ม) จากนั้นใช้พาย
ยางตะล่อมเหล้าให้เข้ากับครีมอย่างเบามือ แล้วพักเอาไว้



ตีไข่ขาวให้เป็นฟอง ใส่เกลือ และตีต่อจนได้ฟองละเอียดสีขาว ทะยอยใส่น้ำตาลที่เหลืออีก 13 กรัม แล้วตีต่อจนตั้งยอดเกือบแข็ง 



ตะล่อมไข่ขาวลงไปส่วนผสมของไข่แดงและชีส

Assemble:
หั่น lady fingers เป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อจะได้วางเรียงลงแก้วได้ง่าย แล้วนำไปจุ่มลงในเหล้าผสมน้ำกาแฟ จุ่มแค่นิดเดียวค่ะ เพราะชื้นเล็ก ถ้าจุ่มเยอะจะเละมาก ทำให้ทานแล้วไม่อร่อย จากนั้นก็วางเรียงลงในแก้ว บีบครีมที่ทำเตรียมไว้ลงไป ตามด้วย ดาร์กช็อกโกแลตขูดและวางทับครีม ทำซ้ำ จนเต็มแก้ว

 Recipe adapted from: スイーツレッスンABC [単行本(ソフトカバー)]by アップオン (著, 編集) 
Chicken Farm Bakers' Project #28: Tiramisù al caffè 

Sunday 31 October 2010

Blueberry Mandarin Orange Muffins--Serve Warm for any time treat !!

ได้มัฟฟินสูตรอร่อยมาค่ะ ก็เลยอดใจไม่ไหว ต้องอัพบล๊อกซะหน่อย แอบผิดประเพณีการอัพบล๊อกเดือนละครั้งนิดนึง วิธีการทำมัฟฟินมีหลายแบบนะคะ ตั้งแต่ผสมของแห้งรวมกัน แล้วก็แยกของเหลวผสมรวมกัน จากนั้นก็เทของเหลวลงไปในของเหลว คนเร็ว ๆ พอเข้ากัน หรือไม่ก็ใช้วิธีตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู แล้วจึงใส่ไข่ แป้ง และนมตามไป ซึ่งก็คือการทำเค้กเนยปกตินั่นเอง ถ้าไม่ตีเนยกับน้ำตาล ก็จะเป็นการตีไข่กับน้ำตาลค่ะ พอฟูได้ที่แล้วก็เทน้ำมันลงไป
สูตรนี้ได้มาจากหนังสือเล่มที่รอมานานค่ะ พอได้มาอยู่ในมือแล้ว ก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการรอคอยจริง ๆ คนเขียนคือ Joanne Chang เป็นเจ้าของร้าน Flour Bakery+Cafe ชื่อดังที่เมืองบอสตันค่ะ ประวัติของเค้าไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เพราะจบ Applied Math and Economics จาก Harvard University แต่ด้วยความหลงไหลในการทำอาหารและขนม จึงเบนเข็มจากงาน Consult ที่กำลังไปได้ดี มาเริ่มต้นใหม่ในตำแหน่งเล็ก ๆ ในร้านอาหาร เริ่มตั้งแต่การเตรียมออร์เดริฟกันเลยทีเดียวนะคะ จากนั้นก็ค้นพบว่าชอบการทำขนมที่สุด ก็เลยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการทำงานในการทำขนมมาเรื่อย ๆ และในที่สุดก็เดินตามความฝันจนกระทั่งได้ไปทำงานกับเชฟขนมชื่อดัง Francois Payard แห่ง Payard Patisserie  
ด้วยความที่เจ้าของสูตรเค้าเก่งทางด้านคำนวณ สูตรที่เค้าคิดหรือปรับแต่งมา ก็จะลงตัวค่อนข้างมากค่ะ ในที่นี้หมายถึงสัดส่วนของส่วนผสมต่าง ๆ นะคะ แบบว่าแต่ละสูตรถ้าใช้ไปนาน ๆ แล้วก็จะมีการปรับใหม่ ให้ดีขึ้นด้วยหล่ะค่ะ
ส่วนผสมหลักที่ช่วยให้มัฟฟินสูตรนี้ไม่แห้งเหมือนมัฟฟินทั่วไปก็คือ creme fraiche ค่ะ อ่านชื่อแล้วอย่าเพิ่งตกใจนะคะ เพราะเจ้าครีมนี่ ทำเองได้ง่ายมาก ๆ ค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปซื้อเลย ใส่แล้วเป็น Magic Touch ให้ขนมทั้งหอม นุ่ม ชุ่ม และ ฉ่ำเลยค่ะ


Blueberry Mandarin Orange Muffins
Makes 14 muffins

455 กรัม............................... แป้งเอนกประสงค์
1/2 ช้อนชา............................ baking soda
4 ช้อนชา............................... baking powder
270 กรัม.................................น้ำตาลทราย
1/2 ช้อนชา ............................เกลือเม็ดหยาบ
2 ............................................ไข่ทั้งฟอง (หนักฟองละ 60 กรัม)
1 ............................................ไข่แดง
140 กรัม ................................เนยจืด, ละลาย
240 กรัม................................ นมสดจืด, อุณหภูมิห้อง
240 กรัม ................................creme fraiche*, อุณหภูมิห้อง
2 ช้อนชา ..............................pure vanilla extract
160 กรัม ................................บลูเบอรี่แช่แข็ง
140 กรัม ................................ส้มแมนดารินแช่แข็ง

เปิดเตาอบไว้ที่ 180 C
วางถ้วยกระดาษลงไว้ในพิมพ์มัฟฟิน ใช้ทั้งหมด 14 หลุม

ร่อนแป้ง เบกกิ้งโซดา ผงฟู รวมกัน

ผสม ไข่ทั้ง 2 ฟอง ไข่แดง ให้พอเข้ากัน ใส่น้ำตาลและเกลือลงไป ตีให้น้ำตาลละลาย ตามด้วยนมสด creme fraiche เนยละลาย และวานิลลา

เทส่วนของเหลวลงไปในแป้ง และคนด้วยส้อม ให้พอเข้ากัน ส่วนผสมจะไม่เนียนนะคะ จากนั้นก็ผสมผลไม้แช่แข็งลงไป แบ่งไปโรยหน้าขนมนิดหน่อยค่ะ

ตักส่วนผสมที่ได้ลงไปพิมพ์ ใส่จนเต็มด้วยกระดาษ นำเข้าอบประมาณ 30-35 นาทีค่ะ เช็กสุกโดยการเอาไม้จิ้มดูแล้วไม่มีส่วนผสมเหลวติดขึ้นมา

* How to make your homemade Creme Fraiche
1 ช้อนโต๊ะ................................โยเกิร์ตรสธรรมชาติ
1 ถ้วยตวง..................................Whipping Cream

ในภาชนะที่มีฝาปิด คนส่วนผสมเข้าด้วยกัน ปิดฝา แล้ววางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 12 ชม.ขึ้นไป ครีมจะข้นขึ้น เมื่อครบเวลาเทใส่กล่องพลาสติก ปิดฝาและนำเข้าแช่เย็นไว้ 24 ชม. จากนั้นก็ทำมาใช้ได้ค่ะ
Blueberry Mandarin Orange Muffins

Thursday 21 October 2010

Chicken Farm Baker's Project # 27 : Sweet Trick or Treat? Sweet H-A-L-L-O-W-E-E-N is coming!

ขนมฮาโลวีน ส่วนมากก็จะนึกถึงขนมที่ทำจากฟักทองเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหม๊คะ แต่ก้อยขอไม่ทำฉีกแนวหน่อยนะคะ การบ้านของเดือนนี้ โฮสต์พี่จิ๊บ Ghibli-land เปิดกว้างมาก ๆ ค่ะ ให้ทำขนมฮาโลวีนแบบน่ารัก ไม่ใช่แนวน่ากลัวแบบที่เห็น ๆ กันทั่วไป ขอแค่ให้นำเสนอในโทน เหลือง-ดำ หรือ ชมพู-ดำ แต่ที่ถูกใจที่สุดคือ พี่จิ๊บบอกว่าความพิเศษของโจทย์เดือนนี้คือ "ง่ายเป็นพิเศษ" ก้อยเองไม่ได้ทำของยากค่ะ แค่เยอะสิ่งเท่านั้นเอง
ขนมของก้อยมักไม่ค่อยมีการจัดแต่งอะไรมากค่ะ ไม่ถนัดแนวเดคอฯ เพราะฉะนั้นขนมที่ออกแนวตกแต่งให้สยองขวัญตามเทศกาลผีฝรั่งเนี่ย ไม่ทำเด็ดขาด ไม่ได้หยิ่ง แต่ทำไม่เป็นค่ะ :)
ก้อยขอเลือกโทนเหลือง-ดำ นะคะ ตอนแรกเนี่ยคิดไว้ว่าจะทำขนมที่ง่ายพิเศษตามถนัดก็คือพวกคัพเค้ก แต่ว่ากลัวคนดูจะโห่ เพราะว่าเอะอะัอะไรก็ทำคัพเค้ก เลยมาลงตัวที่พายมะนาวค่ะ ใช้มะนาวบ้านเรานี่เลยค่ะ หาง่าย และก้อยเิองก็เพิ่งจะรู้นะคะว่า Key lime ที่อ่านเจอตามตำราฝรั่งเนี่ย แท้จริงแล้วคือมะนาวเขียว ของหาง่ายคนไืทย แต่เป็นของหายากของฝรั่งนี่เองค่ะ Key Lime Marshmallow Piesของก้อยอาจจะต้องเป็น Sweet and Sour Trick or Treat นะคะ เพราะคัสตาร์ดมะนาวนี่เปรี้ยวอมหวานค่ะ เปลือกพายเป็นช็อกโกแลตเข้มข้นค่ะ ต้องขอบคุณพี่อุ้มสำหรับสูตรอร่อย ๆ ที่แนะนำให้นะคะ ส่วนหน้าเมอแรงจ์ก็ไม่ธรรมดาค่ะ เพราะเป็น Marshmallow Meringue ค่ะ อยู่ตัวดีมาก และไม่หวานแสบคออีกด้วย ถึงแม้วิธีการทำจะต้องใช้ความระมัดระวังมาก เพราะใช้น้ำเชื่อมร้อนจัด แต่ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ ขอแค่มี candy thermometer ก็ทำได้แล้วค่ะ   
Key Lime Marshmallow Pie

Chocolate Crust Dough:
Makes 1 9-inch pie or 9 7-cm tartlets

1 1/4 cups..............................แป้งเอนกประสงค์
2 TBS. ..................................ผงโกโก้
90 กรัม .................................เนยจืดเย็นจัด, ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ
3 ..........................................ไข่แดง, ตีให้เข้ากัน
1/3 cup .................................น้ำตาลทราย
1/2 tsp. .................................เกลือ
1/2 tsp. .................................pure vanilla extract

Recipe from: Chocolate Crust Dough, Martha Stewart

 ผสมแป้ง ผงโกโก้ น้ำตาล เกลือ และ เนยเย็นจัดลงในโถผสมของ Food Processor แล้วเดินเครื่องประมาณ 10 - 20 วินาที ให้สังเกตดูว่าส่วนผสมที่ได้มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วเล็ก ๆ จะมีบางชิ้นใหญ่ ๆ บ้างก็ไม่เป็นไร ปิดเครื่อง และผสมวานิลลาลงไปในไข่แดง

เปิดเครื่องต่อและค่อย ๆ เทไข่แดงลงไป เมื่อแป้งโดว์เริ่มเกาะกันให้หยุดเครื่อง ตอนนี้โดว์จะต้องไม่รวมเป็นก้อนเดียวกัน จากนั้น เทออกมานวดให้เป็นก้อน ซัก 3-4 ครั้ง แล้วห่อด้วยพลาสติก นำเข้าแช่เย็นอย่างน้อย 30 นาทีก่อนใช้งาน

Key lime filling:

2 ..........................................ไข่ไก่ทั้งฟอง
2 ..........................................ไข่แดง
1 กระป๋อง .............................นมข้นหวาน

Recipe from: United Cakes of America, Warren Brown

ตีไข่ทั้งหมดเข้าด้วยกัน เทนมข้นหวานลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน

ค่อยๆ เทน้ำมะนาวใส่ลงไปคนตลอดเวลา จนเข้ากันดี พักไว้
อุ่นเตาอบไว้ที่ 200 C

นำแป้งโดว์ออกมาคลึง โดยเริ่มคลึงจากตรงกลางออกไป ให้คลึงไปทางเดียว ไม่ต้องคลึงกลับไปกลับมา คลึงให้ได้ความหนาประมาณ 6 mm. ตัดแป้งให้มีขนาดกว้างกว่าพิมพ์เล็กน้อย

แล้วนำไปกรุลงพิมพ์ ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วแล้วนำเข้าแช่เย็นอีกครั้ง แช่อย่างน้อย 20 นาทีขึ้นไป ก่อนอบวางกระดาษอบลงไปบนแป้งพาย แล้วเทเมล็ดถั่วลงไปจนเต็ม นำเข้าอบประมาณ 15 นาที แล้วเอาออกมาทาไข่ขาว จากนั้นนำเข้าอบอีก 5 นาที


** ตอนที่ทำก้อยพลาดค่ะ ไม่ได้ทาไข่ขาว แต่ไปเลือกทาช็อกโกแลตละลายแทน ก็เลยมีปัญหาตรงที่คัสตาร์ดซึมลงไปทำให้แป้งแฉะเล็กน้อย **

ลดอุณภูมิเตาอบลงเหลือ 150 C
เทคัสตาร์ดลงไปในแป้งพายที่ยังร้อนอยู่ แล้วนำเข้าอบประมาณ 20-25 นาที หรือจนกระทั่งหน้าคัสตาร์ดเซ็ตตัว

Marshmallow Meringue Topping:

7 กรัม ................................. เจลาตินแบบผง
60 ml. ..................................น้ำเย็น (1)
80 ml. ..................................น้ำเย็น (2)
80 ml. .................................. light corn syrup
100 กรัม .............................. น้ำตาลทราย
3 ..........................................ไข่ขาว
1 tsp. ....................................pure vanilla extract

* แนะนำให้ทำแค่ 1/3 หรือ 1/2 สูตรก็พอนะคะ เพราะทำเป็นพายชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้แล้วเต็มสูตร จะเหลือท้อปปิ้งเยอะมาก *

Recipe from: Ready for dessert, My best recipes, David Lebovitz

- โรยเจลาตินลงในน้ำเย็น (1) ทิ้งไว้ให้เจลาตินดูดน้ำ ประมาณ 5 นาทีขึ้นไป
- ในหม้อก้นหนาใบเล็ก ๆ ผสมน้ำเย็น (2) corn syrup และ น้ำตาลเข้าด้วยกัน ใส่candy thermometer นำขึ้นตั้งไฟ medium-high (ค่อนข้างแรง) ปิดฝา เพื่อป้องกันผลึกน้ำตาลตรงผนังหม้อด้านใน ต้มจนน้ำเชื่อมได้อุณภูมิ 99 C ( 210 F)  ในโถผสมของ stand mixer ให้เริ่มตีไข่ขาวด้วยความเร็วปานกลาง ตีไปเรื่อย ๆ จนขึ้นฟูเป็นฟองละเอียด และเมื่อน้ำเชื่อมได้อุณหภูมิ 118 C (245 F) ให้ปิดไฟและยกลงจากเตา - เพิ่มความเร็วของเครื่อง แล้วค่อย ๆ เทน้ำเชื่อมร้อน ๆ ลงไปในไข่ขาวเป็นสาย ช้า ๆ เมื่อเทหมด ให้คนผสมเจลาตินที่พักไว้ แล้วเทลงในหม้อเปล่าที่ยังร้อนอยู่ คนเร็ว ๆ ให้เจลาตินละลาย แล้วเทลงไปในเมอแรงจ์ไข่ขาว ตามด้วยวานิลลา แล้วตีต่อไปจนเมอแรงจ์เย็น ระหว่างรอให้เมอแรงจ์เย็น ให้เพิ่มอุณหภูมิเตาอบเป็น 230 F
- ปาดเมอรแรงจ์ลงไปบนหน้าพายที่อบไว้อบไว้ แล้วนำเข้าอบจนหน้าเมอแรงจ์เกรียมสวย ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที
- นำขนมเข้าแช่เย็นให้คัสตาร์ดอยู่ตัว

Chicken Farm Baker's Project # 27: Key Lime Marshmallow Pie

Thursday 16 September 2010

Chicken Farm Baker's Project # 26 : Jam and bake .... spoil yourself with mouthwatering jam

การบ้านฟาร์มเดือนนี้ก้อยทำไปหลายอย่างมากค่ะ สมกับนิยามความเยอะสิ่ง ของฟาร์มไก่ พี่อุ้ม vanillaorchid เป็นโฮสต์ค่ะ พี่สาวคนนี้เธออยู่ต่างแดน พออากาศเริ่มเปลี่ยนจากร้อนเป็นเย็น แถวบ้านพี่อุ้มก็จะเป็นช่วงทำแยมค่ะ พี่อุ้มก็เลยชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มาทำแยมทานเองกันในบ้าน แล้วก็ยังแถมท้ายให้เลือก ทำขนมอบซักอย่างเอาไว้ทานคู่กันด้วย ชื่อโจทย์คือ Jam and Bake....spoil yourself with mouthwatering jam
ปกติก้อยก็ชอบทำแยมทานเองอยู่แล้วค่ะเพราะว่าแยมที่เราทำเองเนี่ย ได้เนื้อผลไม้เยอะ และเราก็สามารถลดน้ำตาลลงได้มากเท่าที่เราต้องการเลย ส่วนตัวแล้วก้อยชอบทานแยมที่รสชาติเปรี้ยวนำเลยค่ะ ไม่ได้ใช้หลักการอะไรมากมาย มักจะเลือกผลไม้ที่ชอบ เติมน้ำตาล ชิมรสดู แล้วก็เคี่ยวจนเหนียว เท่าที่เราพอใจ พอได้ที่แล้ว ก็เติมน้ำมะนาวลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็ตักใส่กระปุกในขณะที่แยมยังร้อนอยู่ จากนั้นก็คว่ำกระปุกลง ทิ้งไว้ซัก 10 นาที แล้วก็กลับหัวขึ้นเหมือนเดิม ทำง่าย ๆ ค่ะ เก็บไว้ได้นานอยู่เหมือนกันนะคะ เท่าที่เคยเก็บก็เป็นเดือน แต่ต้องเก็บในตู้เย็นค่ะ ครั้งนี้ก้อยเลือกทำแยมสับปะรด+ส้ม+ขิงค่ะ สามอย่างผสมกัน การทำค่อนข้างจะหลายขั้นตอน แต่ไม่ยากค่ะ แค่ใช้เวลานานเท่านั้น ของอร่อย ให้คอยนานก็ยอมหล่ะค่ะ ที่ว่านาน เพราะว่าขิงที่ใช้นี่เป็นขิงเชื่อมค่ะ แถวบ้านก้อยไม่มีขิงเชื่อมขาย ก็เลยต้องทำเอง จริง ๆ ขิงเชื่อมนี่ เป็นอะไรที่อยากลองทำมานานมากแล้ว แต่ยังไม่กล้าลงมือ จนกระทั่งได้เจอสูตรในหนังสือ Ready for Dessert, My Best Recipes ของ David Lebovitz  แล้วเค้ายังใจดี บอกสูตรแบบที่ทำเร่งรัดกว่าสูตรในหนังสือไว้ที่ blog ของเค้าด้วยนะคะ ซึ่งก้อยก็เลือกวิธีจากบล๊อกค่ะ
ส่วนขนมอบที่ทำทานคู่กับแยมก็คือครัวซองท์ค่ะ เป็นการรีดแป้งครัวซองท์คนเดียวครั้งแรกค่ะ รูปขั้นตอนวิธีทำไม่ค่อยมีค่ะ เพราะเลอะเทอะมาก ตอนที่ทำเนี่ย ความหวังที่จะได้ครัวซองท์มีน้อยมากค่ะ แต่ก็ได้ออกมาจนได้ค่ะ เนื่องจากสูตรนี้ใช้เนยค่อนข้างเยอะ แต่ก้อยอบด้วยไฟแค่ 180 C เลยทำให้ด้านล่างค่อนข้างแฉะ ได้ประสบการณ์ดี ๆ เยอะเลย ต้องขอบคุณน้องบัว พี่อุ้ม และ พี่ปุ๊กสำหรับคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการทำครัวซองท์ค่ะ

Pineapple Orange and Ginger

สับปะรดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ...................500 กรัม
ส้ม Navel หั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ และฝานส่วนเปลือกแยกเป็นแผ่น ๆ.......1 ผล
น้ำสะอาด..............................................5 cups
น้ำตาลทราย.....................................400 กรัม
เกลือ........................................................เล็กน้อย
ขิงเชื่อม**หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ..................45 กรัม
Dark Rum...............................................1 ช้อนชา


ใส่สับปะรดและส้มในหม้อ เติมน้ำ 5 cups ลงไป ต้มด้วยไฟแรงจนกระทั่งเดือด เมื่อเดือดแล้ว ลดไปลงเป็นไฟกลาง แล้วปล่อยไว้ 30 นาที จากนั้นพักไว้อย่างน้อย 2 ชม. หรือ ข้ามคืน (ก้อยพักไว้ข้ามคืนค่ะ)

หลังจากพักไว้ข้ามคืน ก็เทน้ำตาลลงไป คนให้เข้ากัน พร้อมหนีบ candy Thermomter ติดกับหม้อลงไปด้วย **

แล้วเปิดไฟกลางถึงแรง หมั่นคน จนกระทั่งแยมได้อุณหภูมิ 106 C สูตรนี้ไม่ได้ใส่เพคติน ก็จะใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 45-50 นาทีค่ะ
** ถ้าไม่มีเทอร์โมมิเตอร์ก็กะเอาจากเวลาและความข้นของแยม และทดสอบโดยการนำจานกระเบื้องไปแช่แข็งไว้ ตั้งแต่ตอนเริ่มต้มแยม เมื่อแยมข้นได้ที่หลังจากต้มไปประมาณ 40 นาทีแล้วก็ให้ทดสอบโดยการหยดแยมลงไปจานที่เย็นจัด แล้วนำไปแช่แข็งซัก 15 นาที เมื่อนำออกมาดูแล้วลองแตะดัน ด้วยนิ้ว จะเห็นเป็นรอยย่นค่ะ ถ้ายังไม่ได้ก็เคี่ยวต่อไปอีก 5 นาที แล้วเช็คอีกครั้ง ทั้งนี้ ความข้นเหนียวของแยม อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคลนะคะ ไม่มีอะไรตายตัวค่ะ
เมื่อแยมสับปะรดและส้มได้ที่แล้วก็ใส่ขิงเชื่อม และ Dark Rum ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วเทใส่กระปุกจนเกือบเต็ม แล้วคว่ำกระปุกลง ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วกลับหัวขึ้น ทิ้งไว้จนเย็นสนิท แล้วเก็บเข้าตู้เย็น


Candied Ginger
ขิงอ่อน.............................500 กรัม
น้ำตาลทรายขาว..............300 กรัม
น้ำตาลทรายสีรำ..............320 กรัม
น้ำสะอาด............................4 cups
เกลือ.......................................นิดหน่อย

ปลอกเปลือกขิงและเลือกเฉพาะส่วนที่อ่อน ๆ หั่นเป็นชิ้นบาง ก้อยไม่ได้หั่นบางมากค่ะ เทใส่หม้อ ใส่น้ำจนท่วม ต้มจนเดือด และหรี่ไฟลง ทิ้งไว้ 10 นาที ยกลงรินน้ำออก แล้วทำซ้ำอีก 1 รอบ

ใส่น้ำตาลทั้ง 2 ชนิด และเกลือลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นเคี่ยวจนได้น้ำเชื่อมที่เหนียวประมาณน้ำผึ้งสีอ่อน ใช้เวลาประมาณ 1 - 1.5 ชั่วโมง หรือจนได้อุณหภูมิ 106 C


Croissant

แป้งขนมปัง.................200 กรัม
แป้งครัวซองท์มิกซ์.........50 กรัม
instant dried yeast...............6 กรัม
น้ำเย็นจัด........................140 กรัม
เนยสำหรับทำเพสตรี้.......200 กรัม


เตรียมเนยสำหรับรีดไว้ โดยชั่งน้ำหนักและบล๊อกไว้เป็นแผ่น แช่เย็นไว้รอรีด

ผสมแป้งทั้งสองชนิดและยีสต์เข้าด้วยกัน เทน้ำเย็นลงไป นวดจนไม่ติดมือ ไม่ต้องนวดจนเนียน ห่อพลาสติกไว้แล้วนำไปแช่เย็นไว้ 20-30 นาที




แบ่งแป้งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน รีดเป็นแผ่นกว้างกว่าเนยนิดหน่อย แล้ววางเนยไว้ตรงกลาง ประกบแป้งเข้าด้วยกัน จากนั้นรีดเป็นแผ่นยาว แล้วแบ่ง 3 ส่วน พับทบเข้าด้วยกัน แล้วนำไปแช่เย็น 30 นาที
 ** ขอบคุณรูปและสูตรจากการอบรมการทำขนมอบของร้านชมิดตค่ะ

ทำซ้ำอีก 2 ครั้ง โดยแต่ละครั้งให้แช่เย็นพักแป้ง ครั้งละ 30 นาที


รีดเป็นแผ่นหนาประมาณ 3 มม. แล้วตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5 ซม. x 5 ซม. ได้ 3 ชิ้น และจะเหลือเศษอีกนิดหน่อย ใส่ไส้แยมและช็อกโกแลตและม้วนเก็บชายเข้าด้วยกัน



อุ่นเตาอบไว้ที่ 220 C แล้วพักให้ขนมขึ้น 40 นาที เมื่อครบเวลาแล้ว ทา eggwash แล้วบากหน้าด้วยมีดคม ๆ โรยด้วย pearl sugar แล้วนำเข้าอบโดยลดไฟลงเหลือ 200 C อบประมาณ 20 นาที

Chicken Farm Baker's Project #26: Croissant filled with Chocolate and Pineapple, Orange and Ginger Jam